โคดในตำนาน

เมื่อวานได้ช่วยน้องดู Issue อันนึงซึ่งเกี่ยวกับการ Drag & Drop ซึ่งเจอประเด็นน่าใจ

ในวงการ .NET เนี่ย จะมี code ในตำนานอยู่ชุดนึงที่มีคนก๊อบปี้ไปใช้กันมากมาย ซึ่งเป็น code เกี่ยวกับการ drag & drop ไฟล์จาก Microsoft Outlook ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกเวลาเราลากไฟล์(หรืออีเมล)จากที่อื่นๆเข้ามาใน application ของเรา ซึ่งการลากจาก MS Outlook จะทำงานไม่เหมือนการลากวางจากที่อื่น ไม่ว่าจะ search ยังไงก็จะวนเวียนมาเจอโคดหน้าตาแบบนี้ล่ะ

คราวนี้เนี่ยโคดที่ก๊อบๆกันไปมันเป็นโคดที่ค่อนข้าง low level มาก ชนิดที่ว่าคนที่ถนัด .NET กว่าครึ่งไม่น่าจะเข้าใจว่าโคดมันทำงานยังไงกันแน่ เพราะมันมีการใช้งานโคดของ Windows เองที่มีพื้นฐานมาจากภาษา C++ คนรู้แค่ว่าก๊อบไปแล้วมันก็ดูเวิร์คนะ ทำงานได้ถูก

ปัญหาก็คือโคดชุดที่ว่าเนี่ย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บ codeproject.com เมื่อปี 2008 !!… คนก็ก๊อบๆปใช้กันมากมาย ทั้งๆที่มันมีบัคอยู่ !!

ถ้าเรามานั่งอ่านดีๆจะพบว่า มีคนมา comment ตามหลังอีกสองสามอัน (ในปี 2010) ในเรื่องปัญหากับการทำงานใน 64 bit และปัญหาการจัดการ memory เมื่อลากมาจากบาง app

ในเคสของ Issue ที่เกิดกับตัวเองก็พบว่าใน MS Outlook release ล่าสุด (April 2020, Version 2004 (Build 12730.20250) ) จะมีปัญหาซึ่ง code ที่แก้เรื่องการจัดการ memory ก็แก้ปัญหานี้ด้วยเช่นกัน

สรุปก็คือ code drag & drop จาก MS Outlook ที่มีอายุ มากกว่า 12 ปีนั้นมีบัคอยู่ และมันถูกส่งต่อๆกันไปแบบมีบัคเยอะมาก โดยไม่ได้มีใครเข้าใจมันเท่าไหร่ เลยไม่มีใครดูออกว่ามันมีบัคอยู่ จนเมื่อถึงเวลามันระเบิดนั่นแหล่ะถึงจะต้องมารื้อดูกัน และมีแนวโน้มว่า หลังจากนี้จะมีหลายแอพที่เริ่มพังเพราะ code ที่มีบัคนั้นทำงานไม่ได้กับเวอร์ชันล่าสุดของ MS Outlook

การ copy & paste ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆอีกต่อไป

ปัจจุบันการใช้ opensource code ผ่านทาง Github และการใช้งานผ่าน Nuget/npm ค่อนข้างได้รับความนิยม การบริหารจัดการก็ดีขึ้นมาก ดีกว่า codeproject ที่เป็น webboard style ปัญหาเหล่านี้น่าจะลดน้อยลงไปได้

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับผู้สนใจ

A Long Lost Friend

กลับมาตั้งใจจะเขียนบล็อกอีกรอบ หลังจากที่ใช้ความตั้งใจในการเขียนมากเกินไป ผลก็คือไม่ได้เขียนอะไรออกมาเลย หรือไม่ก็เขียน draft ไว้ แต่ก็คิดว่าคุณภาพไม่ได้จนไม่ได้ publish มันออกมา … ความตั้งใจครั้งนี้จะเป็นการเขียนบล็อกแบบง่ายๆ ข้อมูลไม่ต้องมีคุณภาพสูง เป็นความรู้สึกนึกคิดช่วงขณะเวลานั้นๆก็พอ พอให้ย้อนกลับมาอ่านแล้วรู้ความเปลี่ยนแปลง

เริ่ม !!

นานมาแล้ว … น่าจะเกิน 15 ปี เคยมีเกมแนวนึงที่เล่นชอบมาก แต่พอเวลาผ่านไปก็ไม่ได้ยินเกมแนวๆนี้ใหม่ๆออกมาอีกเลย เกมที่ว่าคือ Commandos กับ Desperados 

Commandos รู้สึกมี 3 ภาค แต่ละภาคก็มีหลายๆตอน เป็นฉากเกี่ยวกับสงครามโลก เยอร์มัน …

Desperados อันนี้ก็มีหลายภาค เหมือนกัน แนวเดียวกัน แต่ฉากเปลี่ยนเป็นคาวบอยแทน

ผ่านไปหลายปีก็ไม่มีเกมใหม่ๆแนวนี้มาให้เล่นอีกเลย แล้วก็ไม่รู้จะถามใครว่ายังไง เพราะบอกไม่ถูกว่าเป็นเกมแนวไหน ต้องคนรู้จักชื่อเท่านั้นที่พอจะคุยได้ออกรส

จนถึงวันนี้ ช่วง covid 19 ที่งานเยอะมากๆ แถมไปไหนไม่ได้ เลยล็อกอิน Steam หาอะไรคลายเครียด … ในที่สุดก็เจอแล้ว (และกดซื้อแทบจะทันที)

เกมที่เจอหาคือ Shadow Tactics: Blades of the Shogun ได้คะแนนรีวิวดีมากด้วย … แถมเล่นได้บน Surface อีกตังหาก

แถมพอเจอเกมนี้แล้วก็มี Recommend แนวเดียวกันมาอีกหลายเกมเลย แถมได้รู้ด้วยว่า Desperados III กำลังจะออก …

ความรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่หายไปนานมาก … ดีใจจัง

Summary Life in 2019

กลับมาแล้ว หลังจากพักไปหนึ่งปี … ปีนี้ก็ถือเป็นปีดีๆอีกปีนึง ได้ทำอะไรเยอะแยะมากมาย หลายครั้งหลายคราที่เริ่มเขียนนู่นนี่เล่าสู่กันฟัง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ publish ในโพสรวมนี้ก็อาจจะเล่าอะไรที่ไม่ได้เล่ารวมๆไปเลยละกัน อาจจะยาวไปบ้าง 🙂

ในแง่ของความรู้สึก เหมือนรู้สึกจะโตขึ้นด้วยหน่อยนึง ควบคุมความรู้สึกตัวเองมากขึ้น ไม่ปล่อยไปตามสิ่งแวดล้อมจนเกินไปนัก

ท่องเที่ยว

ปีนี้ยังเที่ยวเยอะเหมือนเดิม คาดว่าปีหน้าอาจจะเพลาๆลงบ้างล่ะ ต้นปีมีโอกาสไปขึ้นปีใหม่ที่อินเดีย เป็นประสบการณ์ดีๆที่น่าจดจำ คือได้ร่วมงานแต่งงานน้องสาวเพื่อนสนุกมาก หลายๆอย่างนี่มีความคล้ายคลึงกับความเป็นไทยมาก พิธีรีตองตามศาสนา ญาติผู้ใหญ่มีส่วนในการจัดงานตามแบบฉบับชาวเอเชีย ได้ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ กินอาหารท้องถิ่น นอนบ้านในชนบทยันโรงแรมห้าดาวติดสลัมในเมือง มีโอกาสได้ใส่สูทอินเดียด้วย สนุกปนเขินๆ นับเป็นประสบการณ์ที่ดี

มีกิจกรรมนึงที่ในชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยทำได้ดีเลย แล้วพอมางานแต่งงานเนี่ย มันจะเป็นต้องใช้ … ก็คือ การเต้น !! เค้าเต้นกันเก่งมาก เหมือนจะเต้นรอบกองไฟ ทุกคนจริงจังมากกกก เป๊ะมาก จนเราเหมือนเก้ๆกังๆอยู่คนเดียว อายขั้นสุด

งานเลี้ยงเต้นรำ หนึ่งในช่วงสี่ห้าวันของงานแต่งงาน

ปีนี้มีช่วงเวลาที่หากิจกรรมทำให้ตัวเอง เคยคิดไว้สามอย่างเพื่อจะพัฒนาตัวเอง เปิดโลกใหม่ๆให้ตัวเอง คือ วาดรูป ดำน้ำ แล้วก็ร้องเพลง อย่างแรกเริ่มได้สองอาทิตย์ (ซื้ออุปกรณ์ครบแล้ว ยังไม่ได้วาดต่อ) ส่วนอย่างที่สองที่เรียกว่าได้ลงมือแล้ว นั่นคือเรียนดำน้ำ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ไปดำอีกหลังจากเรียน แต่ก็ดีใจที่ได้พาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น แล้วก็ชอบที่ได้อยู่ใต้น้ำ เฝ้าดูสิ่งมีชิวิตอื่นๆ ฟังเสียงลมหายใจตัวเอง ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ (แต่คิดว่าจะทำให้ตัวจมหรือตัวลอยก็หมดล่ะ) คิดว่าพูดได้เต็มปากว่าชอบดำน้ำนะ แล้วจะหาโอกาสไปอีก หรือไม่ก็หาบัดดี้ใกล้ๆตัว เพื่อจะได้ไปอีกบ่อยๆ ฮิฮิ

ถัดมาเดือนมิถุนายน ไปสิงคโปร์ อันนี้เป็นทริปแรกๆที่เรียกว่าไปคนเดียวจริงๆเลย ได้นอน Hostel ยังดีว่ามีคนคุยด้วยเป็นเพื่อน เลยยังเรียกว่าอยู่คนเดียวจริงๆไม่ได้ซักที แต่ก็ดีนะ 🙂 ทริปนี้ได้ตื่นวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าด้วย รู้สึกดึกับตัวเองมาก มันไม่ง่ายเลย อีกอันที่รู้สึกดีกับตัวเองคือ พาตัวเองเข้าไปดู Gallery ได้ในเกือบทุกๆประเทศที่ไป ได้เห็นมุมมองที่แตกต่างในแต่ละประเทศ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็ค่อยๆสะสมประสบการณ์กันไป

ทริปอื่นๆเล็กๆน้อยๆระหว่างปี

  • เขาใหญ่สิ้นเดือนมกรา กับเพื่อนๆม.ปลาย
  • กาญจนบุรีตอนเดือนก.พ. ซึ่งไปมาติดต่อกันเป็นปีที่ห้าติดต่อกัน
  • อ่างเก็บน้ำบางพระเดือนมีนา ทริปที่ตั้งใจไปซ่อมดูดอกตะแบก ที่ไม่มีซักดอก … ฮาา
  • ภูเก็ตเดือนเมษา ที่ทำโดรนตกในเมือง หน้าซีดไปพักใหญ่
  • Solo สิงคโปร์คนเดียวตอนมิถุนา
  • เขือนเชี่ยวหลาน แพ 500 ไร่ตอนสิงหา
  • ภูเก็ตอีกรอบตอนตุลา
  • ฮอกไกโดตอนพฤษจิกา และปิดท้ายด้วยพัทยาในเดือนเดียวกัน

เยอะเหมือนกันแฮะ

อาหารการกิน

ปีนี้กินหนักมาก รู้สึกได้ว่ามีนัดกินข้าวนอกบ้านเยอะกว่าปีที่ผ่านๆมา ขอบคุณแก๊งกิขานประจำที่ยังกินกันต่อเนื่อง เทศกาลอาหารนานาชาติต่อเนื่องตลอดทั้งปี ดื่มเยอะเลย ปีหน้าน่าจะเพลาๆลงบ้าง เปิดโอกาสให้ได้ผอมลงบ้างอีกนิดหน่อย

ค่อนหลังของปีนี้เรียกได้ว่าติดชานมไข่มุก กินบ่อยมากกกก ยังชอบกินโดนัทเหมือนเดิม (จนต้องจำกัดจำนวนครั้งต่อสัปดาห์)

หนึ่งในมื้อที่ดีที่สดของปี Omakase ที่ฮอกไกโด

เรื่องงาน

ปีนี้ได้ Initiate อะไรมากขึ้น ลดงาน Operation ลง พยายามดูเรื่อง Strategy มากขึ้น .. การบริหารเวลายังเป็นสิ่งที่ต้องระวังจากการทำงาน 4 วัน ปีนี้ได้ใช้ประสบการณ์จากที่เก่าๆในเรื่อง Process มากขึ้นเช่นพวก Incident procedure, security, crisis response. ปีหน้าน่าพยายามพัฒนาทีมให้มีความรู้ด้านนี้มากขึ้น เป็น DevOps เต็มตัว

เริ่มได้มองหา Tools เพื่อมาเสริมความสามารถของทีมมากขึ้น โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น Technology เดียวกันเรา ขอแค่มัน common มากพอ ก็ดึงเข้ามาก่อน แล้วค่อยถ่ายเทให้ทีมดูแลต่อไป

ปีนี้เริ่มใช้ 1Password เพื่อจัดการรหัสผ่านจริงจัง หลังจากดูๆมาพักนึง เพิ่มความปลอดภายให้ชีวิตและทรัพย์สิน นับวัน Security breach มีมากขึ้นเรื่อยๆ ใช้ Password ซ้ำกัน มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อยๆ

สุขภาพ

ผลตรวจสุขภาพปีนี้ยังโอเคอยู่ มีนู่นนี่เกินค่ามาตรฐานนิดหน่อย แต่แนวโน้มดีขึ้น มีช่วงกลางๆปีที่ผอมจนรู้สึกได้ เป็นช่วงเวลาดีๆที่คิดว่าปีหน้าน่าจะต้องทำให้ผอมประมาณนั้นให้ได้ ปีนี้ออกกำลังกายได้ต่อเนื่องขึ้น พายามกินน้ำให้มากขึ้น ยูริคดีขึ้น (0.1)

ปีนี้เหมือนจะเล่น Social มากขึ้น ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี แต่จะพยายามควบคุมให้อยู่ในระบบระเบียบ แชร์เท่าที่เหมาะสม

อื่นๆที่น่าจดจำ

  • วิ่งออกกำลัวกายได้ 388 กิโลเมตร ตลอดทั้งปี ถือว่าดีกว่าปีก่อนมากกกกก
  • ได้เริ่มเรียนดำน้ำ
  • เลิกเล่นเกมส์ Candy Crush ล่ะ
  • ย้ายมาใช้ iPhone
  • ใช้ Subscription service มากขึ้น ได้แก่ Netflix, Office 365, Youtube Premium, แล้วก็ Spotify ที่อาจจะยกเลิกถ้า Youtube music ดีพอ

ทำไมถึงไม่ควรร่วมสนุกชิง OSMO Pocket จาก AIS

วันนี้ได้ MMS ว่าให้ร่วมสนุกชิงรางวัล DJI OSMO Pocket จาก AIS Serenade ซึ่งกำลังอยากได้พอดี เลยกดตามลิงค์ไป เจอว่าให้ตอบคำถาม กับรายละเอียดนิดหน่อยก็ได้ลุ้นของรางวัลล่ะ พอเลื่อนลงมาจะกรอกข้อมูล เห็นว่ามีชื่อ-นามกสุล เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล เลยขอดูหน่อยว่าเว็บไม่ใช่ Phishing นะ

พอดูเท่านั้นแหล่ะ ชัดเลย … เว็บไม่ได้มีความปลอดภัยใดๆ SSL/TLS ไม่มี !! นี่มันปี 2019 แล้วนะ ในขณะที่ทุกๆคนพยายามส่งเสริมให้ประชาชนระมัดระวังการกรอกข้อมูล การเข้าเว็บ ไม่ให้เป็นเหยื่อของ spam/phishing แต่องค์กรเองไม่ได้มีความใส่ใจด้านนี้เลย

ไม่มี SSL/TLS แล้วยังไง ?

อธิบายง่ายๆคือ ไม่มีแล้วแปลว่า ข้อมูลที่เรากรอกสามารถมองเห็นได้จากอุปกรณ์เน็ตเวิร์คใดๆที่มันวิ่งผ่าน อาจจะเป็น Router ที่บ้านที่ติดมัลแวร์เพราะไม่ได้อัพเดท, เจ้าของหอพักที่เก็บ Log ตามพรบ., เจ้าหน้าที่ใน Mobile Operator ที่เข้าถึง Data log, ป้าในร้านกาแฟที่เปิด sniffing package ของ WiFi ที่ไม่ได้เข้ารหัส (เวอร์มั๊ย)

ต่อให้พยายามฝืนเป็น HTTPS แล้วก็ไม่สำเร็จ

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็อย่าสงสัยเลย

  • ทำไมเรามี spam เยอะ (กรณีนี้ได้ serenade group ด้วย target ชั้นดี)
  • ทำไมเราถึงโดน Identity Thief เพราะเค้าได้ชื่อ อีเมล เบอร์โทรไปแล้ว เหลืออีกนิดเดียวก็ครบแล้ว

สรุป … ปิดไปครับ อย่าไปลุ้นเลย ไม่ควรกรอกอะไรทั้งนั้น

ปล. เหตุการณ์คล้ายๆกันนี้ก็เคยเกิดกับ Starbucks TH มาก่อนแล้ว …

ย่าติง – จีน 2018 – ตอนที่ 2

มาต่อกันตอนที่สอง เที่ยวสิบวัน ใช้เวลาเขียนบล็อกไปสามเดือน – -” … อ่านตอนแรกที่ได้ที่นี่

แชงกรีลา (Shangri-la)

4-5 ชั่วโมงหลังจากนั่งรถบัสมาจากลี่เจียง เราก็มาถึงแชงกรีลากัน ลงรถที่สถานีขนส่งเช่นกัน …. ก่อนออกจากจสถานีขนส่งเราก็จัดแจงซื้อตั๋วรถบัสที่ต้องเดินทางไปเมือง Daocheng ในวันรุ่งขึ้น รถบัสเที่ยวนี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะมีแค่เที่ยวละวัน แล้วใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชม. ถ้าพลาดนี่จะมีปัญาตามมาเยอะเลย

ที่แชงกรีล่านี่เราก็มีปัญหากับพิกัดตำแหน่งกับ Google Maps อีกเช่นกัน คือตามพิกัดที่ดูมา รร.จะอยู่ห่างสถานีขนส่งประมาณกิโลกว่าๆ เราก็เลือกเดินกันชิลๆไป เพราะอากาศก็เย็นๆล่ะ เดินไปถึงจุดที่ควรจะเป็นรร. ก็พบว่ามันไม่มี !! ไม่มีอะไรบ่งชี้ได้เลยว่าตรงนี้ควรจะเป็นโรงแรมงี้ คือเดินมาถึงเป็นตรอกเล็กๆคล้ายๆตลาดที่มีแต่คนจีน 

จนเพื่อนเปิด Apple maps ก็พบว่ามันอยู่คนละที่เลย ชนิดที่ว่าเดินไปไม่ได้ด้วยซ้ำ สุดท้ายต่อรถเมล์ไปแล้วเดินต่ออีกหน่อย กว่าจะถึง … รถเมล์ที่แชงกรีลานี่เหมือนจะแพงกว่าที่อื่น จำไม่ได้ว่า 5 หยวนมั้ง (ที่คุณหมิงหยวนเดียว) หลังจากเข้าที่พัก เราก็ออกไปเที่ยวกัน เพราะอยู่แชงกรีลาแค่คืนเดียวเอง 

ที่แรกที่ไปคือ พระราชวัง (หรือวัดนะ) แบบทิเบต (Songzanlin Lamasery) … ที่อยู่นอกเมืองออกไปหน่อย ตอนไปก็เรียกแท็กซี่ไป ซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับอยู่บ้านเรา ก็คือ ต้องเหมาจ้า .. ไม่เปิดมิเตอร์ใดๆ เรียกมา 10 หยวนมั้ง ก็เออๆออๆไป เพราะมันใกล้จะปิดแล้ว ไม่มีทางเลือก ได้แค่รีบๆไป .. ส่วนขากลับนั้นก็อยู่นอกเวลารถเมล์แล้ว ก็เลยต้องเหมาเอา เราไปแวะวัด ที่คนไทยชอบแวะกัน

ก่อนกลับเราแวะไปที่วัดที่คนไทยชอบไปกัน จำชื่อไม่ได้เป็นวัดที่มีกงล้อ มีคนออกมาเต้นรำกันด้วย น่ารักดี เสียดายว่าส่วนที่เป็นกงล้อที่เค้าว่ากันว่ามันหมุนไม่เคยหยุด .. นั้นหยุดสนิทเพราเค้าปิดซ่อม… เศร้าไป

มื้อเย็นเรากินชาบูเนื้อ Yak (จามรี) กัน ร้านไร้ซึ่งภาษาอังกฤษใดๆ สั่งแบบมั่วๆงงก็พอกินได้อยู่นะ ถ้าไม่นับว่าปวดฟันนะ ><

ส่วนที่พักคืนนี้มีเรื่องให้แปลกใจเล็กน้อย คือเริ่มออกนอกเมืองใหญ่ แล้วที่พักคืนนี้ก็ไม่ค่อยแพงมาก พอไม่อยู่ห้อง ไฟในห้องก็จะดับ พอเรากลับมา กำลังจะอาบน้ำก็พบว่า เครื่องทำน้ำร้อนในห้องเป็นแบบหม้อต้มไฟฟ้า พอไม่มีไฟมันก็ไม่ทำงาน สุดท้ายก็นั่งรอไปชั่วโมงกว่าๆเพื่อให้น้ำร้อนพอจะอาบน้ำ อุณหภูมิตอนนั้นก็แค่ประมาณ -2 เอ๊ง …

รีว่า (Riwa)

เราออกจากที่พักตั้งแต่ยังไม่สว่าง ออกไปขึ้นแท็กซี่ไปสถานีรถ … ไปถึงก็ซื้อซาลาเปา ไข่ต้ม กินรองท้องก่อน เสร็จแล้วก็ขึ้นรถ … เพื่อจะพบว่ารถมีประมาณเกือบๆ 40 ที่นั่ง คนไทยไม่น้อยกว่าครึ่งคัน !! เรานั่นกันไปแบบงงๆไม่ค่อยรู้ว่าจะถึงเมื่อไหร่ เปิด Google Maps ดูก็พบว่าถนนที่เราวิ่งอยู่นั้นไม่มีอยู่ใน Maps เลย 555

มีจอดแวะพักหนึ่งครั้ง โชคดีที่ได้พี่คนไทยบอกว่าเค้าให้ทานอาหาร จ่ายไป 30 หยวนเลือกกับข้าวได้สามอย่าง ข้าวตักเอง .. ก็กินๆไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะได้กินอีกทีคือเมื่อไหร่

หลังจากเรานั่งมาเรื่อยๆจนประมาณบ่ายสอง ก็พบว่ามีแกนนำสองคนขึ้นมาประกาศทำนองว่า มีใครสนใจจะไป Riwa เพื่อจะไป Yading มั๊ย เพราะว่ารถบัสคันนี้จะไปยังเมือง Daocheng การไป Riwa ต้องต่อรถจาก Daocheng ไปยัง Riwa อีกที ถ้ามีคนไป Riwa เยอะพอ เค้าจะมีรถบัสมาตัดตอนรับจากกลางทางไป Riwa เลย สรุปคนก็ยกมือเกือบทั้งคัน เลยโชคดีได้ต่อไปเมือง Riwa เลยในวันเดียวกัน เสียเงินเพิ่มคนละ 50 หยวน

ตกประมาณ 4 โมง เราก็ถึงเมือง Riwa … หลังจากนั้นก็เข้าพักโรงแรม หาอาหารเย็นกิน ซื้ออ็อกซิเจนกระป๋อง เตรียมตัวนอนเพื่อออกเดินทางเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติย่าติงในวันรุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันเดินทางอย่างแท้จริง

ย่าติง (Yading)

ย่าติงวันที่หนึ่ง

ในที่สุดเราก็มาถึงแล้ว อุทยานแห่งชาติย่าติง เราออกจากรร.ตอนเช้า เดินงงๆมาดักรถบัสที่วิ่งมาจากสนามบิน Daocheng ไปยังอุทยานฯย่าติง ค่ารถไม่กี่หยวน เมืองถึงปากทางเข้าอุทยาน ก็ต้องจัดการซื้อตั๋ว เซ็นชื่อเข้าอุทยาน เสร็จแล้วก็ขึ้นรถบัสเข้าไปยังตัวอุทยานจริงๆ

รถบัสใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงเพื่อเข้าไปในตัวอุทยานฯ แผนการของเราวันนี้คือเราลงหมู่บ้านเล็กๆระหว่างทางเข้าไปอุทยานเพื่อหาที่พัก เพราะเราจะเดินในอุทยานประมาณสองวัน

แต่แล้วแผนการก็ต้องเปลี่ยนไป เพราะตอนนั่งรถบัสอยู่ๆคนขับก็ตะโกนอะไรซักอย่างมาสามสี่ประโยค ทั้งคันไม่มีใครตอบ .. แน่นอนว่าเราฟังไม่รู้เรื่อง …จนถึงจุดนึงเราก็ถึงบางอ้อว่า คนขับตะโกนถามว่าจะมีใครลงหมู่บ้านใหม่ แต่นอนว่าไม่มีใครจะลง ยกเว้นพวกเรางั๊ย !!!

เลยต้องปรับแผนเป็นฝากกระเป๋าที่อุทยานแล้วเดินเที่ยวก่อน แล้วตอนเย็นค่อยออกเร็วหน่อยเพื่อไปหมู่บ้านแล้วหาที่พัก

ที่ย่าติงจะมีหลักๆสองระยะให้เดิน คือรอบเล็กกิโลกว่าๆ กับรอบใหญ่ที่เดินนานหน่อย วันนี้เราเลยเดินรอบเล็กกัน มีวัดแบบทิเบตและทะเลสาบเล็กๆ ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ สวยคุ้มค่ากับการเดินทางมาก

เราพบด้วยว่าชาวจีนที่มาเที่ยวที่นี่ใจดีมาก มีทั้งแบ่งปันขนมของกิน … ผมทำถุงมือหล่นในวัด พอเดินกลับมาหา พระก็ช่วยๆชี้บอกว่าหล่นตรงนู้นๆ ถือว่าประทับใจมากเลย

เราออกจากตัวอุทยานเร็วหน่อย เข้าไปหมู่บ้านเพื่อหาที่พัก .. ขาออกมาดีหน่อยตรงที่เค้าแยกช่องไว้ว่าคนจะมาหมู่บ้านขึ้นรถช่องนึง คนจะออกไปปากทางอุทยานขึ้นรถอีกช่องนึง ได้ความช่วยเหลือจากคนบนรถก็ทำให้เราลงป้ายหมู่บ้านได้ไม่ยากนัก

ปัญหาถัดมาของเราคือที่พัก เนื่องจากเราไม่ได้จองมาก่อนหน้า เราเลยต้องเดินหาๆเอา ช็อตนี้บอกเลยว่าขอบคุณเพื่อนทั้งสองมาก คือตอนเช้าตอนนั่งรถเข้ามาเนี่ยเหมือนจะเมารถ แล้วทำให้ทั้งวันอาการไม่ค่อยดี พอบวกกับอากาศเบาบางเพราะอยู่ที่สูง เลยสภาพแย่มาก ได้เพื่อนสองคนเดินไปหาที่พักให้เรานั่งรอเฝ้ากระเป๋า บอกเลยว่าซึ้งมาก แล้วที่พักก็มีน้อยมาก สุดท้ายเราได้ห้องนอนแบบมีห้องน้ำในตัวกับเตียงใหญ่เตียงเดียว นอนกันอบอุ่นเลยทีเดียว แถมห้องนี้เราก็ได้คืนเดียวด้วยนะ อีกคืนมีคนจองแล้ว

หลังจากได้ที่พัก เราก็งีบๆกันหน่อยนึง ก่อนลงมาหาอะไรกิน ความยากเพิ่มขึ้นอีกเพราะไม่ค่อยมีแรง แถมร้านอาหารก็ไม่ค่อยมี ภาษาจีนก็พูดไม่ได้ สุดท้ายเลยกินอะไรที่มองเห็นเป็นไม้ๆปิ้งกับหมาล่า หยิบๆมาสี่ห้าไม้กินประทังชีวิตก่อนกลับขึ้นไปนอนต่อ เราตกลงกันว่า พรุ่งนี้เย็นเรากลับไปนอนที่เมือง RIWA กันดีกว่า น่าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้

ย่าติงวันที่สอง

เราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแต่เช้า เพื่อเข้าไปอุทยาน วันนี้ออกเร็วเพราะต้องเดินรอบใหญ่ของอุทยานที่ค่อนข้างโหดกว่าเมื่อวาน … แต่เราก็ต้องพบกับอุปสรรคเล็กน้อย เพราะที่รับฝากกระเป๋ายังไม่เปิด ต้องยืนรออยู่ประมาณชม.กว่าๆ ถึงจะฝากกระเป๋าได้ ครั้นจะเอากระเป๋าไปด้วยก็ไม่น่ารอดเพราะทางเดินรอบใหญ่โหดมาก

หลังจากฝากกระเป๋าเราก็นั่งรถเข้าไปอีก เพื่อถึงจุดที่เริ่มเดินรอบใหญ่ วันนี้เราตั้งใจจะไปทะเลสอบสองอันคือทะเลสาบไข่มุก (Pearl lake) กับทะเลสาบห้าสี เราเตรียมพร้อมตั้งแต่เมื่อคืนโดยการซื้อออกซิเจนกระป๋อง กับอาหารกลางวันไว้ อาหารกลางวันก็เป็นแบบไฮเทคด้วยนะ คือมีน้ำกับซองสารเคมีให้ พอฉีกผสมกันน้ำก็จะเดือดอุ่นอาหารให้ร้อนพร้อมทาน เจ๋งดี

วันนี้เราเดินกันโหดมาก จริงๆความชันคล้ายๆภูกระดึง เผลอๆอาจจะไม่ชันเท่า แต่ด้วยความที่อากาศเบาบางมาก หนาวมาก แล้วก็ลมแรงมาก เลยทำให้มันยาก เดินๆไปต้องพักเรื่อยๆเลย บางช่วงนี่เดินได้ 3-40 เมตรก็ต้องพักแล้ว (หรืออาจจะแก่ด้วยนะ) … ถึงจุดๆนึงเราก็เกิดคำถามในใจนะ (จริงๆพูดออกมาด้วยซ้ำ) ว่า เรามาทำอะไรที่นี่วะ .. คือมันก็สวย แต่มันก็เหนื่อย แล้วเมื่อเทียบกับเมื่อวาน ที่เดินรอบเล็ก เมื่อวานเหมือนจะสวยกว่ายังไงชอบกล ..

เราใช้เวลาเกือบทั้งวันในการเดินรอบใหญ่ เนื่องจากที่พักในหมู่บ้านกับร้านอาหารไม่ค่อยประทับใจนัก เราเลยตกลงกันว่าจะออกจากย่าติงกันเลย … พอนั่งรถบัสออกมาถึงปากทางอุทยาน ก็มีคนมีถามๆเราว่าไปไหนมั๊ย สรุปก็ได้แท็กซี่แชร์เข้าเมือง Daocheng เลย คนละ 50 หยวนได้มั้ง ใช้เวลาประมาณ สองชม. เราก็ถึงค่ำๆ เดิน Walk-in หารร.เสร็จกินมาม่าก็พร้อมนอน

ก่อนนอนเราก็ต้องเริ่มวางแผนกลับกันนิดนึง เพราะเราต้องไปขึ้นเครื่องบินกลับคุณหมิงจากแชงกรีลา แล้วรถบัสจาก Daocheng ไปแชงกรีลาก็เหมือนเดิมคือมีวันละเที่ยวเท่านั้น แถมถ้าเราจะไปวันพรุ่งนี้เราต้องไปลุ้นตั๋วเอาตอนเช้าด้วย รถออกประมาณหกโมงเช้า ถ้าเราจะไปคือเราต้องดื่นเช้ามาก สุดท้ายเราตกลงกันว่าเวลายังพอมี เราจะนอนพักร่างกันที่ Daocheng สองคืน ค่อยกลับอีกวันนึง

Daocheng

เมื่อเราตัดสินใจว่านอนเล่นเมือง daocheng กัน (จำไม่ได้ละอ่าอันออกเสียงว่าไง เราอ่านว่าเต้าเฉิงมั้ง) .. เราก็มีหนึ่งวันเต็มๆเพื่อจะเดินเล่นในเมืองนี้ เมืองนี้คือเล็กมากกกกกก ส่วนใหญ่เป็นแค่ทางผ่านสำหรับคนที่จะไปย่าติงแค่นั้น เนื่องจากเป็นการพักร่าง เราจึงทำอะไรชิลๆกัน

เริ่มจากตื่นสายๆ ออกมาหาอะไรกินกัน ตอนนั้นมีร้านอาหารให้เลือกสองร้าน ร้านอาหารโลคอลกับร้านออกแนว junk food .. แน่นอนว่ามาถึงวันนี้ เราก็ต้องเลือก junk food สิคับ เบอร์เกอร์ไก่กรอบมั้งถ้าจำไม่ผิด … หลังจากเสร็จมื้อเช้า เราก็ไปต่อกันที่ร้านกาแฟ ซึ่งค่ากาแฟนี่แพงกว่าค่าข้าวสองเท่าได้ คือส่วนใหญ่นี่นักท่องเที่ยวทั้งนั้น คนแถวนี้เค้าไม่ค่อยกินกาแฟกันมั้ง … นั่งชิลที่ร้านกาแซักพัก เพื่อนก็มีคุยกับเจ้าของร้านบ้างว่าไปเที่ยวไหนดี กับลอง search Google บ้างว่าเค้าไปเที่ยวไหนกัน … เราก็ได้จุดชมวิว Landscape มาอันนึง เห็นรูปตัวอย่างจาก Google สวยมาก ถ้าได้ไปบินโดรนคงเจ๋ง แถมไม่ไกลเกินไปด้วย

คิดได้ดังนั้นเราก็เช่าจักรยานกันครึ่งวัน แวะไปซื้อตั๋วรถบัสขากลับสำหรับวันรุ่งขึ้น แล้วขี่จักยานไปเที่ยวจุดที่ว่า ใช้เวลา 30 นาทีก็ถึง (จริงๆคือขี่ลงเนินด้วย ขากลับนี่แทบลากเลือด) … แต่คือกลายเป็นดินแดงล้วนๆ แทนที่จะเป็นแนวไม้เขียวขจีริมแม่น้า … เป็นการยืนยันว่า Google Maps ในจีนนี่ไม่เวิร์คจริงๆ หลังจากขี่กลับมา เราก็ชิลๆอยู่ที่พัก ซื้อของฝากจำพวกพุทราแห้ง กินมื้อเย็น แล้วก็เข้านอน ช่างเป็นวันพักผ่อนจริงๆ (นี่ภาพที่ควาดหวัง … ส่วนความจริงดูด้านล่างเลย)

เช้าวันถัดมาเราก็เช็คเอาท์ออกจากรร.ตั้งแต่ราวๆตีห้า เดินเท้าประมาณกิโลกว่าๆจะถึงสถานีรถบัส … แต่ก็มีเรื่องให้ประหลาดใจเมื่อเดินๆอยู่ก็มีคุณลุงขับรถกระบะมาแวะรับกลางทาง ก็คุยกันไม่รู้เรื่องนะ แต่จังหวะนั้นคือลุงคนเดียว เราสามคน ยังไงก็สู้วะ … สรุปคือลุงขับไปส่งหน้าประตูสถานีขนส่งอย่างงาม … ถือเป็นอีกเรื่องดีๆที่น่าประทับใจ

ขากลับ !!!

เนื่องจากขาไปนี่เราแวะเที่ยวไปเรื่อยๆ เมืองละคืนสองคืน … พอขากลับนี่เลยเดินทางกันยาวๆเลย

เริ่มจากรถบัส 6-7 ชั่วโมง จากเมือง Daocheng กลับมายังเมืองแชงกรีลา แวะกินอาหารบ่ายๆ นั่งชิลร้านกาแฟ แล้วไปต่อเครื่องบินในประเทศจากสนามบิน Shangri-la ไปเมืองคุณหมิง ตอนแรกที่ไทย เราก็กลัว่าจะพลาดไฟลท์ เพราะเกิดไม่ได้ตั๋วรถบัส เราอาจจะต้องต่อรถหลายต่ออาจจะมาไม่ทันได้ เลยจองตัวไฟลท์ดึกไว้ … แต่ว่าเรามาถึงเร็ว ไปสนามบินตั้งแต่ห้าหกโมงเย็น .. เพื่อจะพบว่า แม่งไม่มีอะไรเลย !!!! ทั้งสนามบินมีร้านอาหารอยู่ร้านเดียว Heater ก็แทบไม่มี หนาวมากมาย สุดท้ายก็ต้องเข้าไปนั่งจิบชา หาอะไรกินฆ่าเวลา …

หลังจากขึ้นเครืองมาถึงคุณหมิง เราก็เข้ารร.ในคุณหมิงที่จองไว้วันก่อน ถึงรร.ราวๆตีสองได้

คุณหมิงวันสุดท้าย เราใช้เวลาทั้งวันขึ้นรถไฟใต้ดินไปเที่ยวเขาซีซาน … ก่อนจะขึ้นเครื่องกลับไทยไฟลท์ดึกอีกเช่นกัน

ตอนขึ้นเครื่องกลับไทยนี่ก็ยังไม่วาย มีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว …. ตอนผ่าน security check ขาออกของสนามบินคุณหมิง โดนจนท.ยึด Powerbank … ด้วยเหตุผลที่ว่า ตัวเลขมันเลือน บอกไม่ได้ว่ามีขนาดน้อยกว่า 20000 mAh !!! บอกเลยว่าโกรธมากกก … คือบินมาถึง บินในประเทศก็แล้ว แล้วนี่กำลังจะกลับแล้วแท้ๆ ยังจะมายึดของเราอีก ฮือออออ Powerbank อันนั้นรักมากด้วย ฮึ่ยยยย

สรุป

ทริปนี้เหมือนจะเป็นทริปลำบากที่ต่างประเทศทริปแรก ทริปที่ภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นภาษาหลัก ทริปที่ Google ช่วยอะไรได้น้อยมาก .. ทริปที่มีอารมณ์ท้อถอยแต่ก็ผ่านมาได้ ทริปที่เห็นอีกด้านของเมืองจีน

มีความทรงจำมากมายเหลือเกินในทริปนี้ ขอบคุณเพื่อนทั้งสองคนที่ช่วยให้ผ่านมาได้ทั้งในทริปและหลังจากทริป ไว้ไปเจอกันทริปหน้านะ

Scroll to top