กลับมาอีกแล้ววว พร้อมกับสีผิวที่เข้มขึ้นอีกเล็กน้อย (หึหึ) …
ก่อนจะเล่าเรื่อง ทริปที่ไปตรังมา มีเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นก่อนจะไปเที่ยว นั่นก็คือ เมื่อวันจันทร์หลังจากกลับมาจากเสม็ดกับเพื่อนๆ วันอังคารก็ได้มีนัดสัมภาษณ์โครงการโปรแกรมเมอร์อะไรซักอย่างนี่แหล่ะ (ชื่อยาวโครตๆ) วันนั้นก็ได้ตื่นเช้า เตรียมตัวไปสัมภาษณ์ครับ ออกจากบ้านเกือบๆเจ็ดโมง ออกมาได้ห้านาทีก็เหิดเหตการณ์ไม่คาดฝันขึ้น นั่นก็คือขณะที่ขับรถเข้าทางลัดจะไปออกดอนเมือง มีโค้งหักสอกอยู่ ก็เลี้ยวไปตาม(ที่คิดว่า)ปกติ อยู่ๆก็มีมอเตอร์ไซค์ พุ่งมาชนกันอย่างรวดเร็ว ตุ๊บ….ตุ๊บ….. เงียบ หลังจากอึ้งอยู่ประมาณ วิครึ่ง ก็ได้ ลงไปช่วยเค้าพยุงเค้าขึ้นมา พร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์เค้า แล้วก็ไปเลื่อนรถเราให้หลบออกจากถนน ในระหว่างนั้นห็เหลือไปเห็น.. "กรรม ยางหน้าตูแตกซะงั้น.." แล้วก็เรียกประกันมา เคลียร์ ประกันก็บอกว่าเราผิดก็จ่ายทุกอย่างไป (โชคดีที่ทำชั้น 1 ไว้) แล้วก็เปลี่ยนยาง สุดท้ายก็เอารถไปซ่อม (ต้องไปตั้งสองถึงสามที่) และแล้วเราก็หมดกำลังใจที่จะไปสัมภาษณ์ ทั้งๆที่ยังมีเวลาเหลือพอที่จะไปทัน …
เซ็งครับ….
เซ็งกับความประมาทของตัวเอง…
เซ็งกับการที่ต้องทำให้คนอื่นบาดเจ็บ ถ้าเค้าเป็นอะไรไป เราจะทำไงเนี่ย…
เซ็งกับการที่ต้องทำให้แม่เป็นห่วง…
เซ็งกับการไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ…
เซ็งกับความงี่เง่าของตัวเองที่ไม่ยอมตรวจสอบอู่ที่จะซ่อมให้เรียบร้อย….
แต่ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆที่เป็นห่วง… วันนั้นรู้สึกดีมากๆ เพราะทำให้เรารู้ว่าคนที่เราอยากให้เป็นห่วงเค้าไม่ได้สนใจเราเรย เหอะๆ แต่เพื่อนๆเรากลับเป็นห่วงเรามากกว่าเยอะ ^_^
แล้วก็ขอบคุณ + ขอโทษ คุณลุงคนนั้น ที่อยู่ๆไปชนเค้า แล้วเค้าก็ยังใจดี ไม่เรียกร้อง + ว่ากล่าวใดๆ
และมันก็เป็นประสบการณ์อีกครั้งนึงของชีวิต …
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
พอแล้ว สำหรับความรู้สึกแย่ๆ แน่นอนคงไม่มีใครรู้สึกแย่ไปตลอด หรือ รู้สึกดีไปตลอด มันก็ต้องปนๆกันไปตามกฎของธรรมชาติ หลังจากรถชนได้หนึ่งวัน การเดินทางก็เริ่มขึ้น…
วันพุธที่ 10 เวลา 16.00 น. ก็ได้ออกจากที่ทำงานเนื่องจากพี่ๆที่ Office ใจดี ให้ออกมาก่อนก็มาเจอแม่ที่ lotus เอากระเป๋ากินข้าวเล็กน้อย แล้วก็ไปหาน้าที่ กรมขนส่ง (ตรงข้ามจตุจักร) …แล้วเดินทางไปขึ้นรถทัวร์ มุ่งหน้าสู่ จ.ตรัง ใช้เวลาเอินทางประมาณ 12 ชม. ถึงที่หมายเวลาประมาณ 8 โมง
วันแรก ก็เริ่มต้นด้วยการไปเข้าถ้ำ "ถ้ำเล-เขากอบ" ก็เป็นถ้ำที่ใหญ่ใช้ได้เลย ตอนเข้าและออกนี่ต้องนั่งเรือตลอดเรย ช่วงตอนจะออกนี่ต้องนอนราบไปกับเรือด้วย เนื่องจาน้ำจะสูงใกล้ชนหลังคาถ้ำเรย ก็สนุกไปอีกแบบ พอเที่ยวถ้ำเสร็จก็ไปเล่นน้ำตกต่อ คือ "น้ำตกสายรุ้ง" ก็หมดไปหนึ่งวันแระ พอไปเล่นน้ำตกแล้วเห็นรูปนี่แหล่ะ เพิ่งรู้สึกว่าตูอ้วนมาไปแล้ว ไม่ไหวๆ ต้องฟิตหน่อยแล้ว เหอะๆ
วันต่อมา ตื่นมาพร้อมกับสายหมอกอันงดงาม (มีบางคนเชื่อว่าอยู่เชียงใหม่ อิอิ) พร้อมกับเตรียมตัวไปเยี่ยมาติที่จ.นครศรีธรรมราช ทำบุญวันวิสาข (ไม่ได้เข้าวัดมานานมากๆ)เสร็จแล้วตอนบ่ายแวะไปวัดพระธาตุมาด้วย แล้วเดินไปแถวๆที่เค้าขายเครื่องเงิน เกิดอยากได้เลทเงินขึ้นมา ก็เลยเดินๆดูสวยดี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อเนื่องจากราคาแต่ละร้านต่างกันเหลือเกินแล้วอีกอย่างเราก็ดูไม่เป็นด้วย เรยอดเรย เอิ้กๆ ไปวัดเสดก็เย็นแล้วเลยมุ่งหน้ากลับสู่ตรัง
วันที่สาม วันนี้มีนัดไปดำน้ำดูประการัง เริ่มต้นจากไปขึ้นรถที่เค้าจัดไว้ให้ ไปส่งที่เรือ นั่งเรือต่อไปอีกประมาณ หนึ่งชม. ก็จะถึงจุดดำน้ำ ทั้งหมดมีสี่ที่ด้วยกันคือ เกาะกระดาน เข้าถ้ามรกต เกาะม้า เกาะเชือก อันที่จริงอยากเอารูปประการังสวยๆมาฝาก แต่ไม่สามารถอ่ะ เหอะๆ สรุปว่าวันนี้ดำน้ำไปสามที่ ถึงแม้คนจะเยอะนิดหน่อย แต่การที่ได้ดำน้ำ ฟังเสียงคลื่น ดูประการัสีต่างๆ มองเห็นปลานับร้อยนับพันว่ายอยู่รอบตัว มันเป็นการเพิ่มพลังชีวิตที่ดีที่สุดวิธีนึงเรยทีเดียว แนะนำมากๆ สำหรับใครที่อยากหลบไปพักจากความวุ่นวายที่พบเจออยู่ทุกวัน แถมกับขากลับนั่งอาบแดดมาบนเรือ ดำขึ้นเป็นกอง เอิ้กๆ แต่ก็รู้สึกดีมากๆเรย
วันสุดท้ายก็ไม่ได้ไปไหน เตรียมมาขึ้นเครื่องที่ภูเก็ตแวะกินอาหารเล็กน้อย ก่อนขึ้นเครื่องก็แวะโยนโบลประกฎว่าน้าเค้าซื้อ package ไว้ ซัดไปคนละ เจ็ดเกมส์กะน้า(เยอะสุดที่เคยโยนเรยนะเนี่ย ยังปวดแขนขาไม่หายเรย) แล้วขึ้นเครื่องกลับถึงบ้านประมาณเที่ยงคืน ทำนู่นทำนี่ ตีหนึ่งกว่าก็ได้นอน เป็นอันจบการเดินทางทริปที่สอง ก่อนเข้าสู่ช่วงพักฟื้นร่างกายเตรียมสู้กันต่อกับปีสุดท้ายของชีวิตมหาลัยที่จะมาถึง ^_^
ทริปนี้ได้กินอาหารแปลกๆหลายอย่าง เช่น กบทอดกระเทียม (อันนี้ไม่ค่อยแปลกแระ) เนื้อกวางผัดเผ็ด ไข่มดแดง …^^
สุดท้ายก็มีอะไรเล็กๆน้อยๆ ที่บังเอิญไปเจอมา (ขออภัยผู้แต่งด้วยที่ที่จำที่มาไม่ได้)
"การพลัดพราก ไม่ว่าจะจากไปหรือตายจาก
รสชาตินั้นก็มิได้แตกต่างกันเลย
ในขณะที่การจากกันเป็นเรื่องแสนเศร้า
หากแต่ว่าถ้ามีความทรงจำที่ดีร่วมกันแล้ว
ในความเศร้านั้น….ก็จะยังคงมีความงดงามซ่อนอยู่
ไว้ให้เราได้คิดถึงกันอย่างเป็นสุข …"