Nothing to Say

 
วันนี้ตื่นเช้ามากับกิจวัตรเดิมๆ คือ อาบน้ำ แต่งตัว หยิบหนังสือพิมพ์ ออกจากบ้าน แวะกินข้าว แล้วก็เข้า Office
 
แต่ก็จะมีแตกต่างกันเล็กน้อยก็ตอน กินข้าวไปได้คำนึงพี่ที่ทำงานก็โทรมาว่าระบบมีปัญหา (อีกแล้ว – -"~)
 
กินต่ออีกคำพี่อีกคนก็โทรมา สรุปว่าเช้านี้ก็ไม่ได้กินข้าวไปโดยปริยาย… รีบเข้าที่ทำงานไปตามระเบียบ…
 
กว่าจะแก้ไขเบ็ดเสร็จก็เกือบๆเก้าโมง ดีนะที่ฝากพี่เค้าซื้อของกินมานิดหน่อยช่วยประทังชีวิตไปได้ครึ่งวัน
 
ตอนเที่ยงวันนี้ก็มีอะไรพิเศษเล็กน้อยคือการได้ออกไปเลี้ยงฉลองจากการที่ระบบ Live มาได้ประมาณ 6 เดือน..
 
ผ่านช่วง Season มาด้วยบาดแผลเพียงเล็กน้อย (อันนี้ยืมคำพูดพี่ PM มาอีกที ^^) เลยได้ไปกิน Fuji กันที่ The Mall
 
จากนั้นก็ขึ้นมาทำงาน บ่ายวันนี้ไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่ เพราะมัวแต่เตรียมงานช่วงที่จะลาพักร้อน ไว้ให้คนอื่นๆทำงานต่อได้
 
กับลงโปรแกรมเตรียมตัวทำ Biztalk เผื่อไว้ วันนี้ก็ไม่ได้อยู่มืดอีกตามเคย ด้วยอารมณ์และร่างกายที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวย….
 
 
 
วันนี้ตอนกลับบ้าน อยู่ก็ไม่ได้เลี้ยวกลับในทางประจำที่ถนนโล่งๆ แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ เลยจงใจที่จะเลี้ยวเข้าถนนที่รู้ๆอยู่ว่ารถติด
 
บรรยากาศที่ฝนตกปอยๆ นั่งเปิดวิทยุที่เลือกมาแต่เพลงเศร้าๆ รถติด.. ไปไหนไม่ได้ มีอะไรก็ไม่รู้ที่อยู่ๆโผล่มาให้คืดเยอะแยะไปหมด…
 
สำหรับคนบางคนเค้ารู้สึกดี แต่ไม่แสดงออกก็เรื่องนึง แต่ในทางกลับกันบางคนที่เค้ารู้สึกแย่ แต่ไม่แสดงออกอาจจะน่าหนักใจมากกว่า
 
แบบว่าอยู่ๆไม่รู้แบคทีเรียตัวไหนกระเด็นเข้ากระแสเลือดทำให้คิดว่า.. เราจะรู้ได้ไงว่าใครสักคนรอบข้างเราไม่ได้รู้สึกแย่กับการกระทำของเรา ?
 
เลยมานั่งพิจารณาการกระทำของตัวเองหลายๆอย่างว่าอะไรควร อะไรไม่ควร … คิดไปคิดมา เหนื่อย งง สับสน … พอก่อนดีกว่า ..
 
บรรยากาศสองสามวันนี้ ไม่ดีเลย ไม่เหมาะแก่การอยู่คนเดียวอย่างยิ่ง ><~~~~~
 
แต่อีกสองวันก็ได้หยุดยาวแล้ว เพราะลาพักร้อนไว้รวมๆแล้วก็หยุด  1-7 พ.ค. ตอนแรกก็กะว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนที่ลาดกระบัง
 
แต่เนื่องจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วทางด้านเศรฐกิจ (ว่าไปนู่น) ทำให้เพื่อนๆไม่ว่างไปกัน (จนได้) …
 
เลยแผนสองที่แอบประชุมกันอย่างลับๆ ว่าจะไปหาแม่ที่สุราษฎร์ฯ แล้วก็จะเอารถแม่ตลอนๆแถวนั้นสักสี่ห้าวัน …
 
พอแค่นี้ก่อน..สำหรับวันนี้อารมณ์หดหู่เกินกว่าจะเขียนอะไรดีๆได้
 
 
PS. Zone (ทำไม่ไม่เล่าดีๆวะ ต้องมาเขียนใส่ PS. ตลอดเลย)
– ได้ข่าวมาจากเจ้าตัวว่า (พี่)ฝนมีแฟนแล้ว … ^^
– ไว้ว่างๆจะมาเล่าว่าทำไมถึงเกิด Crisis วันนี้ โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นสาเหตุที่ค่อนข้างไร้สาระ(มาก)
– เพิ่งเปลี่ยนแบตโน๊ตบุคไป (4900 ฿) แพงดีจัง
– เหนื่อย…
 
 

When We do The Project

ไม่มีอะไรหรอกแค่ว่างๆจากการนั่งดู Process EOD เลยเอา Clip ตอนไร้สาระๆ ช่วงทำโปรเจคมาให้ดูกัน
 
เร็วจริงๆเนอะ แป๊บๆ ก็ทำงานมาครบปีแล้วว เพื่อนๆที่ซิ่วไปก็จบกันแล้ว ^^
 
เชิญรับชม ^^
 

All About Feb 08

 

ช่วงที่ผ่านมาก็มีหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นแล้วก็ลืมไปบ้างเหมือนกัน (แล้วจะพูดทำไม – -")

เริ่มจาก ช่วงวันที่ 14-15 ได้ไปเทรนเกี่ยวกับ Message ของ SWIFT ทางด้านการซื้อขายและส่งมอบหลักทรัพย์ เป็นคอร์สภาษาอังกฤษ

ค่าแทรนก็แพงอยู่ สองวันใช้ไป 460 Euro หุหุ ไม่รู้ได้กลับมาคุ้มรึป่าว 😛 ก็เทรนที่รร.แลนมาร์คตรงสุขุมวิท มีรูปมาประกอบเล็กน้อย

Swift2

หลังจากไปเทรนได้สองวัน อาทิตย์ถัดมาก็ลางานทั้งอาทิตย์ไปรับรับปริญญา จริงๆก็ซ้อมไม่กี่วันหรอก แต่ก็กลัวเหนื่อยๆด้วย

เดี๋ยวกลายเป็นว่าซ้อมก็ไม่ค่อยได้เรื่อง ไปทำงานเหนื่อยๆก็ไม่ดี เลยลาเลยดีกว่า อิอิ ออกแนวอยากพักๆด้วยพอดี ^^

18022008(001)-horz

ข้างบนนี้เป็นรูปตอนซ้อม ซ้อม 11 โมงถึง หกโมงกว่าโดยไม่ได้กินอะไรเรย หิวมากๆเลย เดี๋ยวเรื่องรับปริญญาค่อยอัพกันอีกทีเน้อ

ตอนนี้ก็กลับมาทำงานแล้ว (พูดเหมือนได้ปิดเทอมเลย) งานเยอะแยะมากมายเลย

ครั้งนี้คงไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวคงได้อัพอีกทีเร็วๆนี้ พร้อมรูปรับปริญญาเน้อ ^^

PS. ครั้งนี้ Up Space ด้วย Window Live Writer พร้อมกับทำรูปด้วย PhotoScape ถ้ามีเวลาเราค่อยมีทำ Review เจ้าโปรแกรมสองตัวนี้กัน ^^

Unlucky Night

 
เมื่อวาน (02/02/2008) ได้มีโอกาสพาตากับยาย ไปกราบพระศพสมเด็จพระพี่นางฯ มาด้วยย
 
ก็ไปกันตอนบ่ายๆ แดดร้อนมากมาย แต่การที่แดดร้อนก็มีข้อดีของมันคือ ทำให้เราได้รูปท้องฟ้า ที่ฟ๊าฟ้าโดยไม่ต้องพึ่ง CPL … ^^ (คุ้มกันมั๊ยเนี่ย…)
 
ตอนบ่ายๆก็มีไปกินอะไรกันเล็กน้อย… ก่อนที่ตอนเย็นๆ วิปจะโทรมานัด (แบบงงๆ) ว่าเดี่ยวขึ้นมาแล้วไปหาอะไรกินกัน ไอเราก็ไปแบบงงๆ
 
แวะรับวิปแล้วก็ไปเจอกับ เหมือน สตางค์ เก๋ เดี่ยว ตุ ที่ร้านกินดื่ม แถวๆพระอาทิตย์กินกันอยู่พักใหญ่ๆก็เป็นอันว่าเค้าจะไปต่อกันที่บริคบาร์ แต่เราก็ขอชิ่ง
 
เนื่องจากเอารถมากินไม่ค่อยอร่อย ^^ ก็เลยกะว่าแวะไปส่งน้องเหมือนแล้วก็กลับบ้าน แต่ว่า… พอกลับมาถึงรถ .. รถเจ้ากรรมก็ดันสตาร์ตไม่ติด
 
จังหวะแรกเปิดประตูด้วย Remote ก็ไม่ได้เลยสันนิษฐานก่อนเลยว่ากุญแจต้องมีปัญหาแน่ๆเลย (เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว) ก็เลยะว่ากลับบ้านไปเอากุญแจสำรองมาลองดู
 
เลยนั่งแท๊กซี่ไปส่งเหมือน เสร็จจะกลับบ้านพอส่งเหมือนเสร็จก็ดันนึกขึ้นได้ว่า .. กุญแจบ้านอยู่ในรถนี่หว่า .. โอ๊ย !! พระเจ้า กรูต้องนั่งรถกลับไปเอากุญแจบ้านอีกใช่มั๊ยเนี่ย…
 
แต่ก็ไม่มีทางเลือก หลังจากไปเอากุญแจบ้านที่รถแล้วก็ไปเอากุญแจรถที่บ้าน (อ๊ะ ฟังดูงงๆมะ ) ก็กลับมาถึงรถที่ถนนพระอาทิตย์ตอนตีหนึ่งนิดๆ
 
ก็เลยลองเปิดประตูกับ Remote อีกอันดู ปรากฏว่า แง่วววว… ไม่ติด และขณะที่นั่งๆเซงอยู่ประมาณห้าวิ ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวาย เลยออกมาดูก็เจอ
 
วัยรุ่นสองกลุ่มทะเลาะกัน.. ก็ไม่ได้สนใจ แต่อีกแป๊บนึงก็มีเสียงดัง   ปัง !! แล้วก็มีเสียงอื่นๆตามมาอีกมากมาย .. ตอนนั้นก็คิดในใจว่า
 
เฮ่ย.. นี่กรูยิ่งเซงๆอยู่ว่ารถสตาร์ถไม่ติดยังต้องมาคอยหลบห่ากระสุนอีกหรอวะเนี่ย… อันนี้ในใจนะเลยมีหยาบคายบ้าง เอิ้กๆ
 
หลังจาตำรวจมาก็คลี่คลายไป กลับมาสู่ปัญหาของตัวเองต่อ .. แล้วจะทำไงกะรถล่ะทีนี้ .. หลังจากที่ได้ประชุมร่วมกับตัวเองแล้ว ได้ข้อสรุปว่า
 
น่าจะเป็นที่แบตมั้งลองหาใครช่วยพ่วงละกัน เลยเริ่มมองๆหาคนช่วยพ่วงแบต แต่ตอนั้นเกือบๆตีสอง ใครจะมาช่วยวะ ลองเรียกแท๊กซี่สองสามคันก็ไม่ได้ผล
 
มีคนแนะนำให้ลองโทรไปที่ 1644 สวพ.91 (ตอนขับรถไม่เคยคิดจะฟังอ่ะ คนเรา… )
 
พอลองโทรไป (เหมือนจะได้ออกอากาศด้วย กร๊ากๆๆ) ไม่ถึงห้านาทีก็มีพี่แท๊กซี่คนนึงมาช่วยย เค้าก็ช่วยพ่วงแบต แต่ตอนกำลังจะพ่วงก็มีพี่อีกคนขี่จักรยานมา ย้ำว่าขี่จักรยาน ….
 
ก็มาช่วยๆกัน ตอนนั้นในใจคิดเลยว่า คนไทยใจดีมีเยอะจริงๆ ก็ช่วยทำกันอยู่พักนึงพอรถสตาร์ถติดพี่แท็กซี่ก็ไป เราก็ให้เงินเค้าเล็กน้อยเป็นสินน้ำใจ … เหลือพี่ที่ขี่จักรยามาช่วย
 
(ลืมบอกว่าเค้าฟังวิทยุผ่านมือถือ) เค้าก็ช่วยดูต่อให้ว่าจะได้ไม่ดับกลางทาง แต่ๆๆ มันเริ่มรู้สึกแปลกๆ เมื่อเค้าขอเงินไปซื้อน้ำกลั่นมาเติมรถซึ่งร้านเค้าไม่ขายก็คือซื้อไม่ได้
 
แต่ตัง 100 นึงทีเค้าเอาไปก็ไม่คืน (แต่ในใจก็กะว่าจะให้เค้าอยู่แล้ว)  ไม่เพียงแค่นั้นตอนจะเสร็จแล้วเค้าก็มายืนข้างๆเบาะ ไอเราก็ได้ยินเสียงแกรกๆ
 
หันไปดูคือเจอว่าเค้าจำลังจะหยิบ ถุงใส่เหรียญที่วางอยู่.. เลยเอ่ะใจแปลกๆ แถมยังภพูดอีกว่า "ถุงเหรียญอะไรไม่รู้วางอยู่ " 
 
พร้อมถึงนึกได้ว่าเค้าพยายามจะให้เราไปซื้อน้ำกลั่นเอง ทั้งๆที่สตาร์ถรถทิ้งไว้ แต่โชคดีว่าเราได้ไปเพราะเห็นว่ารถสตาร์ถอยู่ ..เฮ้อ เกือบไปแล้วว
 
แถมตอนจะออก ยังเคาะกระจกถามว่าในรถมีน้ำกินไปขอตังซื้อน้ำหน่อย ..
 
ตอนนั้นทนไม่ไหวก็เลยบอกไปว่า "ตังค่าซื้อน้ำเมื่อกี้ร้อยนึงยังไม่ได้คืน อันนั้นผมให้พี่" .. แล้วขับออกมาเลย … ก็สรุปว่าถึงบ้านตอนตีสามม … เอิ้กๆ
 
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนไทยดีๆที่มีน้ำใจยังมีอีกเยอะ ไม่ได้หายากอย่างที่หลายๆคนบอกไว้
 
แต่บางครั้งโจรในคราบนักบุญก็ยังมีให้เห็นเหมือนกัน … ระวังไว้บ้างก็ดี
 
แนะนำว่าถ้าเป็นผู้หญิงกลับบ้านนอนดีกว่า. ค่อยกลับมาเอารถวันอื่นเห้อ..
 
เฮ้อ.. ไปทำบุญหน่อยดีกว่ามั๊ยเนี่ย…. ไอเดี่ยวพาซวยแน่ๆเลย
 
PS. ขอบคุณแท๊กซี่คันนั้นด้วย ไม่ได้ถามชื่อแต่จำได้คุ้นๆว่าทะเบียน มง 4755 สีเขียวเหลือง (มั้ง)
 
PS2. ตอนรอคนมาช่วยพ่วงแบตนี่ ฝนตกอีกตังหาก เปียกด้วย…  – -"
 

Karnjanaburi with SWIFT Thailand

 
เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยว… เอ๊ะ หรือไปทำงาน … ที่กาญจนบุรีมา
 
อันเนื่องมาจากว่า สมาคมเพื่อการสื่อสารสากลระหว่างธนาคาร (แห่งประเทศไทย)  ได้จัดทริปขึ้นไปพักผ่อนที่จังหวัดกาญจนบุรี
 
เลยได้มีโอกาสไปร่วมทริปนี้ เพราะมีโอกาสที่จะต้องดูแล SWIFT ต่อในอนาคตอันใกล้นี้
 
ทริปนี้ก็ได้ไปกับพี่ในฝ่ายหนึ่งคน กับพี่ User อีกคนนึง รวมเป็น 3 คนที่เป็นตัวแทนของศูนยรับฝากหลักทรัพยแห่งประเทศไทย
 
เริ่มออกเดืนทางโดยรถบัส จากธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ (ตรงอารีย์) ประมาณ 7 โมงเช้า ซึ่งที่แรกที่ได้แวะ คือ
 
โรงถ่ายภาพยนตร์เรื่อง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งอันที่จริงก็มีการแจ้งมาแล้วว่าแดดจะร้อนมากแต่ด้วยความเปรี้ยว หมวกเหมิกก็ไม่ได้เอามา
 
แต่มันจะดำไปกว่านี้มั๊ยเนี่ย เอิ้กๆ … อันที่จริงถ้าได้ดูหนังมาก่อน่าจะตื่นตาตื่นใจกว่านี้ แต่แค่นี้ก็มีอะไรให้ถ่ายเยอะเหมือนกัน (จริงๆตั้งใจไปถ่ายรูป)
 
ก็เดินเล่นอยู่ในโรงถ่ายพักใหญ่ๆ ถ่ายรูปไปนิดหน่อยเพราะต้องทำเวลา เนื่องจากเวลามีจำกัด
 
ต่อมาก็ไปกินข้าวเที่ยง ดูพิพิธพันธ์สงครามเล็กน้อย และก็ตรงไปยังที่พัก คือ The Legacy River Kwai Resort
 
ตอนแรกก็คิดว่าพักผ่อนเฉยๆ แต่แล้วเค้าก็มีกิจกรรมสันทนาการเล็กน้อย ซึ่งก็จับกลุ่มเปลี่ยนไปๆมา
 
ปรากฎว่ากลุ่มสุดท้าย ที่จะเป็นกลุ่มถาวรนี่มีแต่พี่ๆที่ดูแล้วน่าจะเป็นระดับบริหารทั้งนั้นเลยย.. เลยทำเอากิจกรรมที่เหลือ แทบจะนั่งตัวลีบตลอดเลย
 
ก็ตอนเย็นมีกิจกรรมเล็กน้อยให้ส่งตัวแทนไปร้องเพลง … แน่นอนธีศิษฎ์ชิ่งก่อนเพื่อน เอิ้กๆ
 
คืนแรกก็ผ่านไป ที่นี่ไม่ได้เก็บภาพห้องพักไว้ เพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยอย่า review ดีกวา
 
วันอาทิตย์ ก็ตื่นเช้าไปกินอาหารเช้าของ resort สายๆก็ออกจากที่พัก แวะทานเข้าวเที่ยงบนแพล่องไปล่องมาอยู่แป๊บนึง
 
ก็ไปต่อที่วัดถ้ำเสือ ซึ่งอันที่จริงจะมีวัดไทยกะวัดจีนอยู่ติดกัน แต่ด้วยเวลาอันจำกัดเลยไปวัดไทยได้อย่างเดียว…
 
และสุดท้ายเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพฯก็ทุ่มนึงได้ เหนื่อยมากมายยย
 
ยัง… ยังไม่จบ…………………………….
 
หลังจากมาถึงบ้านก็เอารถออกไปเอาผ้าที่ร้าน ขากลับก็ขับมาในซอยแถวๆบ้าน
 
ขณะที่ขับๆอยู่ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์กำลังจะแซงแท็กซี่สีชมพูคนนึง แล้วทันใดนั้นแท็กซี่คันนั้นก็ดันจะแซงคันข้างหน้าเหมือนกัน
 
เลยกลายเป็นว่า แท็กซี่เบียดมอเตอร์ไซค์ล้มไปเลย แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อแท็กซี่มันไม่ยอมจอด
 
ไอเราก็เห็นมอไซค์เค้าพอจะลุกขึ้นได้ วิญญาณความยุติธรรมก็เข้าสิง "เฮ่ย มันทำงี้ได้ไงวะ ชนแล้วหนีนี่หว่า" งี้ต้องแจ้งตำรวจ
 
เลยรีบเหยียบตามมันไป แต่ก็เนื่องจากซอยเล็กบวกกับมีลูกคลื่นเยอะและรถสวนมาเยอะมาก ทำให้ห่างจากแท็กซี่ไปซักระยะ
 
พอถึงสามแยกก็เห็นว่ามันเลี้ยวซ้าย เลยตามไปด้วยความเร็วสูง(แต่ไม่มาก เพราะมันอยู่ในซอย เอิ้กๆ)
 
หลังจากตามมาซักแป๊บ ก็ทันแท๊กซี่สีชมพู ก็กดมือถือจะโทรออก แต่ทันใดนั้นก็เห็นว่า เฮ่ยมันมีสีชมพูสองคันติดกันอ่ะ แล้วคันไหนล่ะนั่นน่ะ
 
– -" เมื่อกี้ตอนชนก็กลางคืน ไฟก็มืดๆ แถมตามมาห่างๆ สุดท้ายรู้สึกผิดจริงๆ ไล่ตามมาตั้งนานช่วยไรไม่ได้เลย รู้งี้จอดรถลงไปดูเค้าดีกว่า … เนอะ…
 
และแล้ว Weekend เราก็หมดไปอย่างรวดเร็ว….
 
 
PS. รู้สึกว่าเล่าเรื่องขับรถได้ละเอียดกว่าไปกาญฯอีกแฮะ
 
PS2. จะรับปริญญาแล้ว เดี๋ยวจะเอากำหนดการมาลงอีกทีนะ (จะมีใครไปมั๊ยเนี่ย) 
 
 
Scroll to top